การผ่าตัดกระเพาะอาหารเป็น 1 ในทางเลือกของการลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ทั้งสำหรับผู้ที่มีภาวะอ้วนน้ำเกินหรือผู้ที่เป็นโรคร้าย (โรคหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคความดันโลหิตสูง, และโรคเบาหวาน เป็นต้น) บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับการผ่าตัดกระเพาะอาหาร ประเภทของผ่าตัด ข้อดี-ข้อเสีย และการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด
การผ่าตัดกระเพาะอาหาร (Gastrectomy Surgery) เป็นการผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหารหรือลดการดูดซึมของอาหาร ช่วยให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้น้อยลง ส่งผลทำให้น้ำหนักตัวค่อยๆ ลดลงอย่างมีประสิทธิภาพและช่วยควบคุมการเกิด หรือลดอาการของภาวะโรคอ้วนได้ด้วย
การผ่าตัดแบบสลีฟ คือ การผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะให้เล็กลงอย่างเดียว วิธีนี้จะตัดเอาส่วนกระเพาะอาหารออกไปประมาณ 75% -80% ซึ่งรวมถึงส่วนที่ผลิตฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวออกไปด้วย ทําให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดสามารถรับประทานอาหารได้น้อยลงและสามารถลดนํ้าหนัก
ได้มากถึง 40-70% จากนํ้าหนักตั้งต้น
ข้อดี
1) แผลเล็ก
-แผล 4 - 5 จุด
-จุดละ 5-15 มม.
2) เจ็บน้อย
3) ฟื้นตัวไว
4) ผ่าตัดแก้ไขได้
5) ไม่กระทบต่อการดูดซึมอาหารและวิตามิน
6) ยังสามารถตรวจดูกระเพาะด้วยการส่องกล้องได้
ข้อเสีย
1) อาจมีอาการกรดไหลย้อน
2) ควบคุมนํ้าหนักและโรคเบาหวานได้น้อยกว่าวิธีบายพาส
เวลาผ่าตัด
45 นาที - 1 ชั่วโมง
BMI
น้อยกว่า 35
เหมาะกับ
กลุ่มคนที่นํ้าหนักตัวไม่มาก
ต้องการฟื้นตัวไม่นาน
ไม่เหมาะกับ
1) กลุ่มคนที่เป็นโรคหัวใจ
2) อายุมาก
3) เป็นโรคกรดไหลย้อนรุนแรง
4) นํ้าหนักตัวมากเกินไป
5) เคยปรับขนาดกระเพาะ
6) โดยการใส่ห่วงมาก่อน
การผ่าตัดกระเพาะแบบบายพาส เป็นการผ่าตัดรูปแบบมาตรฐานที่สุด และยังเป็นวิธีที่ได้ผลในการลบดน้ำหนักมากที่สุด โดยใช้เทคนิคส่องกล้องผ่าตัดแบบแผลเล็กเหมือนวิธีอื่นๆ แต่จะเพิ่มการผ่าตัดลำไส้ส่วนที่ดูดซึมน้ำตาลออกด้วยบางส่วน ทำให้ลดน้ำหนักได้หนักได้มากและนานกว่า
ข้อดี
1) ลดน้ำหนักได้มากที่สุด
2) เจ็บน้อย
3) ฟื้นตัวไว
4) แผลเล็ก
-แผล 4 จุด
-จุด 5-15 มม.
ข้อเสีย
1) ผ่าตัดแก้ไขยาก
2) ไม่สามารถตรวจเช็ดกระเพาะด้วยการส่องกล้องได้
3) ลดการดูดซึมอาหารและวิตามิน อาจขาดวิตามินได้
4) อาจเกิดไส้เลื่อนในอนาคต
เวลาผ่าตัด
2 - 3 ชั่วโมง
BMI
มากกว่าหรือเท่ากับ 35
เหมาะกับ
1) คนที่นํ้าหนักตัวมาก
2) คนเป็นโรคเบาหวาน
3) ต้องการผลระยะยาว
4) คนที่เป็นโรคกรดไหลย้อนรุนแรง
ไม่เหมาะกับ
-คนที่มีโรคแทรกซ้อนที่ผ่าตัดแบบนี้ไม่ได้
3. ผ่าตัดแบบเย็บกระเพาะ (Overstitch)
การเย็บกระเพาะ เป็นการนำอุปกรณ์การเย็บกระเพาะที่เรียกว่า OverStitch สอดเข้าทางปากขณะที่คนไข้หลับแล้วกระเพาะจะถูกเย็บด้วยเข็มและไหมแบบพิเศษโดยการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร ดังนั้นจึงไม่มีแผลที่หน้าท้อง และส่งผลให้กระเพาะมีขนาดเล็กลงเราจึงทานอาหารได้น้อย
และอิ่มได้เร็ว
ข้อดี
1) ไม่มีแผลผ่าตัด
2) พักฟื้นตัวไว
ข้อเสีย
1) ลดน้ำหนักได้น้อยกว่าเทคนิคสลีฟและบายพาส
2) ค่าใช้จ่ายสูง
3) หากแพทย์ผ่าตัดไม่ชำนาญอาจไปเกี่ยวกับอวัยวะอื่น
เวลาผ่าตัด
2 ชั่วโมง
BMI
น้อยกว่า 30
เหมาะกับ
-คนที่ไม่อยากมีแผลผาสตัด
ไม่เหมาะกับ
-คนที่อยากลดน้ำหนักส่วนเกินออกมากๆ
@cosmetica_thailand คุณอุ้มขอคอนเฟิร์มเดินได้ตั้งแต่วันแรก👍ตัดกระเพาะ อ้วน ลดน้ำหนัก ผอม หุ่นดี โรคอ้วน คอสเมติก้าคลินิก Cosmeticaclinic DrFoei
♬ เสียงต้นฉบับ - คอสเมติก้าคลินิก - คอสเมติก้าไทยแลนด์
@cosmetica_thailand ครึ่งทางแล้ว จะ 𝟓𝟓 ตอนไหนรอชม🤩 ตัดกระเพาะ อ้วน ลดน้ำหนัก ผอม หุ่นดี โรคอ้วน คอสเมติก้าคลินิก Cosmeticaclinic
♬ เสียงต้นฉบับ - คอสเมติก้าคลินิก - คอสเมติก้าไทยแลนด์
@cosmetica_thailand สายL สายกิน รีวิวเรียลๆหลังผ่า เจ็บเบาๆแต่ไม่ทรมาน 😊 ตัดกระเพาะ อ้วน ลดน้ำหนัก ผอม หุ่นดี โรคอ้วน คอสเมติก้าคลินิก Cosmeticaclinic
♬ เสียงต้นฉบับ - คอสเมติก้าไทยแลนด์ - คอสเมติก้าไทยแลนด์
@cosmetica_thailand หุ่นใหม่ใกล้ฉัน ปัก📍ตัดกระเพาะ อ้วน ลดน้ำหนัก ผอม หุ่นดี โรคอ้วน คอสเมติก้าคลินิก Cosmeticaclinic
♬ เสียงต้นฉบับ - คอสเมติก้าไทยแลนด์ - คอสเมติก้าไทยแลนด์
@cosmetica_thailand สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ✅✨กระเพาะ อ้วน ลดน้ำหนัก ผอม หุ่นดี โรคอ้วน คอสเมติก้าคลินิก
♬ original sound - คอสเมติก้าไทยแลนด์ - คอสเมติก้าไทยแลนด์
@cosmetica_thailand รู้อะไรไม่เท่ารู้งี้ รู้งี้ไม่น่ากลืนบอลลูนเลย🫧 กระเพาะ อ้วน ลดน้ำหนัก ผอม หุ่นดี โรคอ้วน คอสเมติก้าคลินิก
♬ original sound - คอสเมติก้าไทยแลนด์ - คอสเมติก้าไทยแลนด์
@cosmetica_thailand 2 วัน กลับบ้านได้✅ ตัดกระเพาะ อ้วน ลดน้ำหนัก ผอม หุ่นดี โรคอ้วน คอสเมติก้าคลินิก Cosmeticaclinic
♬ original sound - คอสเมติก้าไทยแลนด์ - คอสเมติก้าไทยแลนด์
@cosmetica_thailand ฟลูเทิร์นโชว์ซัก 1 กรุบ เพราะตัดกระเพาะมันเริ่ดเกิ้นคุณน้า กระเพาะ อ้วน ลดน้ำหนัก ผอม หุ่นดี โรคอ้วน คอสเมติก้าคลินิก
♬ original sound - คอสเมติก้าไทยแลนด์ - คอสเมติก้าไทยแลนด์
@cosmetica_thailand แต่ก่อนทานข้าว 2 ชาม🍚🍚 ตอนนี้ครึ่งชามยังทานไม่หมด🍚 เอาซี้ กระเพาะ อ้วน ลดน้ำหนัก ผอม หุ่นดี โรคอ้วน คอสเมติก้าคลินิก
♬ original sound - คอสเมติก้าไทยแลนด์ - คอสเมติก้าไทยแลนด์
1) คนที่ลดน้ำหนักยาก ลดเท่าไรก็ไม่ลงลด ลองมาหลายวิธีแล้วก็ลดน้ำหนักไม่สำเร็จ
2) BMI สูง
3) เสี่ยงโรค NCDs (โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด / โรคเบาหวาน โรคอ้วน / โรคมะเร็ง / โรคระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น)
4) อยากหุ่นดีขึ้นสุขภาพดีขึ้น
5) คนที่กินยาลดน้ำหนักมายาวนาน โยโย่
1) เตรียมระบบทางเดินอาหาร - ทานอาหารเหลวและโปรตีนเชคตามที่แพทย์ ก่อน 2-4 สัปดาห์ก่อนวันผ่า รับประทานอาหารเหลวใสก่อนวันผ่า 1 วันเพื่อให้กระเพาะอาหารตับลำไส้พร้อมสำหรับผ่าตัด
2) ปรับพฤติกรรมก่อน ผ่าตัด - งดยาหรือสมุนไพรที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด 1 สัปดาห์ / ห้ามสูบบุหรี่ หรือบุหรี่ไฟฟ้า แอบกอฮอล์ ก่อนและหลังผ่าตัด
3) ปรับพฤติกรรม การกินก่อนผ่าตัด - เพื่อช่วยลดไขมันพอกตับให้น้อยลง และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน
1) ห้าม ยกของหนักเกิน 4 กิโลกรัม เป็นเวลา 10 วันหลังผ่าตัด
2) ห้าม ออกกำลังกายหนัก เป็นเวลา 6-8 สัปดาห์หลังผ่าตัด
3) แนะนำให้ลุกเดินทันทีหลังผ่าตัด การเดินช่วยให้ปอดทำงานดีขึ้น ลดแก๊สในช่องท้อง ฟื้นตัวเร็วขึ้น และช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น เริ่มจากเดินช้าๆ 10 นาที และค่อยๆ เพิ่มเป็น 30 นาทีต่อวัน
4) ห้ามขับรถ ภายใน 3 วันหลังผ่าตัด
5) ห้ามแช่น้ำในอ่างอาบน้ำ, อ่างน้ำร้อน หรือสระว่ายน้ำ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
6) หลังกลับบ้านแล้ว ควรลุกเดินบ่อย ๆ และฝึกหายใจลึก ๆ เพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อที่ปอดและการเกิดลิ่มเลือดในขา